จริงหรือไม่?...กับการตลาดออนไลน์ Digital Marketing
การตลาดออนไลน์ Digital Marketing อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ จากที่ผู้เขียนมีโอกาสได้จัดอบรมและให้คำปรึกษากับหลาย ๆ ธุรกิจ ท่านเจ้าของธุรกิจและนักการตลาดออนไลน์หลายท่านยังคงมีความเข้าใจเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ Digital Marketing ที่อาจจะไม่เพียงพอหรือไม่ถูกต้อง
โดยในบทความนี้ ผู้เขียนขอนำตัวอย่างบางส่วนที่ผู้ทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing หลายท่านยังคงมีเข้าใจผิดมาฝากกัน
1. การทำโฆษณา Google Ads แบบ Search จะทำให้อันดับ SEO ดีขึ้น
เรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดจำนวนมาก จริง ๆ แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับเลย การทำ Google Ads แบบ Search ไม่ได้มีผลกับการที่หน้าเว็บจะติดอันดับแบบ SEO เลย จริงอยู่ที่การทำการตลาดออนไลน์ทั้ง 2 แบบสามารถทำให้หน้าเว็บติดอันดับบน Search Engine ได้จริง แต่หลักการ วิธีการ และผลลัพธ์แตกต่างกันอย่างมาก
2. การใส่ Keywords ในเนื้อหาเยอะ ๆ จะทำให้หน้าเว็บติดอันดับแบบ SEO ได้
เรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดมากเช่นเดียวกัน จริงอยู่ที่ Keywords คือหัวใจสำคัญของการทำ SEO แต่ Keywords เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้หน้าเว็บติดอันดับดี ๆ แบบ SEO ได้ เพราะการทำ SEO ให้ได้อันดับดี ๆ ต้องมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ความเร็วใจการโหลดหน้าเว็บ Bounce Rate ระยะเวลาในการรับชมหน้าเว็บไซต์ การสร้าง Backlink เข้ามาที่เว็บไซต์ ฯลฯ
3. การโฆษณาออนไลน์ช่วยสร้างยอดขายได้มาก
ผู้ทำธุรกิจหรือนักการตลาดออนไลน์หลายท่านให้ความสำคัญกับการทำโฆษณาออนไลน์มาก เพราะเข้าใจว่าโฆษณาแล้วจะขายของได้เยอะ แต่ในความเป็นจริงการโฆษณาเยอะและเสียค่าโฆษณาจำนวนมากอาจไม่ช่วยสร้างยอดขายเป็นจำนวนมากได้เสมอไป เพราะการโฆษณาเป็นแค่การเพิ่มการเข้าถึง (Reach) และการรับชม (Awareness) ให้กับสินค้าและบริการเท่านั้น ซึ่งการเข้าถึง (Reach) และการรับชม (Awareness) ที่มากก็อาจจะช่วยให้กลุ่มผู้บริโภคได้เห็นและรู้จักสินค้าและบริการมากขึ้น แต่ไม่ได้รับรองว่าคนที่เห็นโฆษณาจะซื้อสินค้าของเราเสมอไป ดังนั้น การทำโฆษณาที่ได้ผลต้องการมีการวิเคราะห์ผลการทำโฆษณาอย่างระมัดระวังมาก โดยเฉพาะในส่วนของ Margin ของสินค้าและ Return on Ad Spend (ROAS)
4. การมีหน้าเว็บหน้าเดียว (Sales Page) ก็เพียงพอที่จะช่วยสร้างยอดขายให้ได้มาก
ความเชื่อนี้อาจเกิดขึ้นเพราะหลายธุรกิจอาจไม่ค่อยเห็นความสำคัญกับเว็บไซต์ จึงทำเว็บไซต์ขึ้นมาเพียงแค่หน้าเดียว แล้วใส่ข้อมูลของธุรกิจ ข้อมูลสินค้าและบริการทุกอย่างลงไปในหน้านั้น ซึ่งโดยหลักการแล้วไม่ควรจะทำ เพราะข้อมูลที่เยอะเกินไปในหน้าเว็บหนึ่งหน้าอาจส่งผลเสียหลาย ๆ อย่าง เช่น ผู้ชมเว็บไม่ดูเนื้อหาเพราะเนื้อหาเยอะเกิน หรือไม่เห็นเนื้อหาที่ต้องการดู การที่เนื้อหาเยอะเกินทำให้หน้าเว็บโหลดช้าลง ส่งผลให้คนไม่รอดูเนื้อหา เป็นต้น ดังนั้น หากธุรกิจมีเว็บไซต์ ควรจะจัดแยกเนื้อหาออกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน และสร้างหน้าเว็บหลาย ๆ หน้าตามหมวดหมู่ของเนื้อหา เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกดูเนื้อหาตามความต้องการได้ และจำนวนหน้าเว็บที่มากขึ้น อาจเพิ่มโอกาสในการทำ SEO/SEM ได้ด้วย
5. ใช้ Social Media ทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing เพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว
Social Media โดยเฉพาะ Facebook เป็นเครื่องมือที่แทบจะทุกธุรกิจเลือกใช้ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing ด้วยตัวเองทั้งหมด โดยที่ไม่มีทีมงานช่วยเหลือเลย เพราะ Facebook เป็นเครื่องมือการตลาดออนไลน์ Digital Marketing ที่ใช้ง่ายแทบจะที่สุด และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย เพราะคนไทยนิยมใช้ Facebook จำนวนมาก จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ Social Media เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ได้ผลดีเสมอไป เพราพฤติกรรมในการรับชมและใช้สื่อออนไลน์ของผู้บริโภคแต่ละประเภทสินค้าต่างกัน ผู้บริโภคของสินค้าบางชนิดอาจจะไม่ได้ใช้ Social Media ในการดูข้อมูลเสมอไป ถ้าหากผู้บริโภคของสินค้าและบริการใดที่ไม่ได้รับชม Social Media เป็นหลัก ธุรกิจที่ใช้ Social Media ในการทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing ก็อาจจะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการได้ ดังนั้น แต่ละธุรกิจจึงควรวิเคราะห์พฤติกรรมในการรับชมสื่อและข้อมูลของผู้บริโภคเป้าหมายให้ได้ เพื่อการทำการตลาดออนไลน์ Digital Marketing ให้ได้ผลยิ่งขึ้น
6. จ่ายค่าโฆษณาแพงจะทำให้การทำโฆษณาได้ผลมากกว่าค่าโฆษณาถูก
สำหรับเครื่องมือในการโฆษณาออนไลน์บางส่วน ค่าโฆษณามีผลอย่างมากกับผลลัพธ์ เช่น โฆษณา Paid Search ของ Google Ads (Adwords) ที่การตั้งราคาเสนอ (Bidding) มีผลโดยตรงกับอันดับโฆษณา แต่โฆษณาบางประเภท เช่น Google Ads – Display หรือ Google Ads – Video ค่าโฆษณาที่แพงกว่า แทบจะไม่มีผลกับผลลัพธ์ในการทำโฆษณาเลย แถมยังเป็นการสิ้นเปลืองค่าโฆษณาด้วย จริงอยู่ที่การทำโฆษณาออนไลน์ ผู้ทำโฆษณาสามารถกำหนดราคาค่าโฆษณาที่เต็มใจจะจ่ายได้ แต่เชื่อว่าทุกธุรกิจน่าจะชื่นชอบการทำโฆษณาที่ใช้ค่าโฆษณาน้อยที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างผลกำไรให้ได้มากที่สุด หากเป็นเช่นนี้ สิ่งที่จะช่วยได้คือการวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการทำโฆษณาที่ถูกต้องและแม่นยำ